วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2563

The Relationship between School Administrators' In-House Communication and Conflict Management Strategies According to Physical Education Teachers' Perceptions

การวิเคราะห์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสารภายในองค์กรของผู้บริหารกับกลยุทธ์การจัดการความขัดแย้งตามการรับรู้ของครูพลศึกษา พบว่า การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสารภายในองค์กรของผู้บริหารกับกลยุทธ์การจัดการความขัดแย้งตามการรับรู้ของครูพลศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยครูพลศึกษาที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนของรัฐในเขต Bartin จังหวัดจำนวน 130 คนที่อาสาเข้าร่วมการศึกษาในปีการศึกษา 2557-2558 "มาตรวัดทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล" และ "มาตรวัดกลยุทธ์การจัดการความขัดแย้ง" ถูกนำไปใช้โดยครู ใช้การทดสอบ Kolmogorov-Smirnov ในการศึกษาเพื่อวิเคราะห์ว่าข้อมูลแสดงการแจกแจงแบบปกติหรือไม่ เนื่องจากข้อมูลไม่ได้ถูกแจกจ่ายตามปกติตามอายุและระดับอาวุโสของครู (p = .000 <a = 0,05) จึงใช้การทดสอบแบบไม่มีพารามิเตอร์ สถิติเชิงพรรณนาการทดสอบ Mann-Whitney U และ Spearman-Rho ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ระยะขอบของข้อผิดพลาดถูกนำมาเป็น 0.05 การศึกษาแสดงให้เห็นว่าครูพลศึกษาชอบกลยุทธ์การหลีกเลี่ยง (? = 2,44 ± 494) กลยุทธ์การควบคุม (? = 2,42 ± 623) และกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหา (? = 2,35 ± 473) ตามลำดับ ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระดับสูงถูกระบุระหว่างทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคลของผู้บริหารโรงเรียนและกลยุทธ์การจัดการความขัดแย้งตามการรับรู้ของครูพลศึกษาในขณะที่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคลและกลยุทธ์การจัดการความขัดแย้ง ระดับอาวุโสและอายุ


Resource : ERIC
Isik, Utku; Sunay, Hakan; Cengiz, Recep(2018)The Relationship between School Administrators' In-House Communication and Conflict Management Strategies According to Physical Education Teachers' Perceptions
Asian Journal of Education and Training, v4 n4 p266-271 2018

The Relationship between School Administrators' In-House Communication and Conflict Management Strategies According to Physical Education Teachers' Perceptions
Asian Journal of Education and Training, v4 n4 p266-271 2018

This study aimed to investigate the relationship between school administrators' in-house communication and conflict management strategies based on physical education teachers' perceptions. The study sample consisted of 130 physical education teachers employed at state schools in Bartin provincial center who volunteered to take part in the study in a 2014-2015 academic year. "Interpersonal Communication Skills Scale" and "Conflict Management Strategies Scale" were implemented by teachers. Kolmogorov-Smirnov test was used in the study to analyze whether the data displayed a normal distribution. Since the data did were not distributed normally according to teachers' ages and seniorities (p=.000<a = 0,05), non-parametric tests were used in the analysis. Descriptive statistics, Mann-Whitney U test and Spearman-Rho were used in data analysis. The margin of error was taken as 0.05. The study shows that physical education teachers prefer avoidance strategy (?=2,44±,494), controlled strategy (?=2,42±,623) and solution-oriented strategy (?=2,35±,473) respectively. As a result, the high-level relationship was identified between school administrators' interpersonal communication skills and conflict management strategies based on physical education teachers' perceptions while no statistically significant difference was determined in interpersonal communication skills and conflict management strategies subscale scores based on teachers' seniority and age.
Asian Online Journal Publishing Group. 244 Fifth Avenue Suite D42, New York, NY 10001. Fax: 212-591-6094; e-mail: info@asianonlinejournals.com; Web site: http://www.asianonlinejournals.com

Avoiding School Management Conflicts and Crisis through Formal Communication


การวิเคราะห์เรื่อง การศึกษาการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและวิกฤตการบริหารโรงเรียนผ่านทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการ พบว่า การสื่อสารที่เป็นทางการไม่ได้สร้างความขัดแย้งและวิกฤต หรือการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการไม่ได้ช่วยในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและวิกฤตในการจัดการโรงเรียน ข้อโต้แย้งคือในการสื่อสารอย่างเป็นทางการมีมาตรการการควบคุม ของข้อมูลและแนวทางต่อต้านหรือจัดการข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งและวิกฤตในการจัดการโรงเรียน ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าเมื่อความพยายามมุ่งไปสู่การหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในการบริหารจัดการและวิกฤตการณ์ผ่านการสื่อสารที่เป็นทางการไม่ควรตัดการสื่อสารนอกระบบ ควรมีการวางแผนกลยุทธ์เพื่อจัดการและสำรวจผลประโยชน์


Resource : ERIC
Nwogbaga, David M. E.; Nwankwo, Oliver U.; Onwa, Doris O.(2015)Avoiding School Management Conflicts and Crisis through Formal Communication
Journal of Education and Practice, v6 n4 p33-36 2015

Avoiding School Management Conflicts and Crisis through Formal Communication
Nwogbaga, David M. E.; Nwankwo, Oliver U.; Onwa, Doris O.
Journal of Education and Practice, v6 n4 p33-36 2015
This paper examined how conflicts and crisis can be avoided through formal communication. It was necessitated by the observation that most of the conflicts and crisis which tend to mar school management today are functions of the inconsistencies arising from "grapevines, rumours, and gossips" generated through informal communication processes. It does not however mean that formal communication doesn't generate conflicts and crisis; or that informal communication does not help in avoiding conflicts and crisis in school management. The argument is that in formal communication, there are control measures that filter the flow of information and guide against or properly manage the information that could have caused conflicts and crisis in school management. Thus, it is recommended that as efforts are geared towards avoiding school management conflicts and crisis through formal communication, informal communication should not be ruled out; instead strategies should be devised to properly manage it and explore the benefits.
IISTE. No 1 Central, Hong Kong Island, Hong Kong SAR. Tel: +852-39485948; e-mail: JEP@iiste.org; Web site: http://iiste.org/Journals/index.php/JEP

Conflicts Management Model in School: A Mixed Design Study


การวิเคราะห์เรื่องรูปแบบการจัดการความขัดแย้งในโรงเรียน:การศึกษาแบบผสมผสาน พบว่า สาเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในโรงเรียนนั้นมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการและกลยุทธ์ในการบริหารโรงเรียน กลยุทธ์สำหรับการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ครูใช้จะแตกต่างกันไปตามบริบทของโรงเรียนที่พวกเขาประสบกับความขัดแย้ง ในบริบทนี้ได้มีการสร้างรูปแบบการจัดการความขัดแย้งในโรงเรียน เพื่อสร้างวัฒนธรรมการจัดการความขัดแย้งในโรงเรียน

Resource : ERIC

Dogan, Soner(2016)Conflicts Management Model in School: A Mixed Design Study
Journal of Education and Learning, v5 n2 p200-219 2016


Conflicts Management Model in School: A Mixed Design Study
Dogan, Soner
Journal of Education and Learning, v5 n2 p200-219 2016
The object of this study is to evaluate the reasons for conflicts occurring in school according to perceptions and views of teachers and resolution strategies used for conflicts and to build a model based on the results obtained. In the research, explanatory design including quantitative and qualitative methods has been used. The quantitative part of the research has been designed as the relational quantitative model. Data have been collected from 216 teachers working in the province of Sivas through the Scale of Reasons for Conflicts and the Scale of Resolution Strategies. The qualitative part of the research has been conducted in conformity with the case study design. Data has been gathered from 20 teachers working in the province of Sivas through open-ended questions. According to the research findings, the reasons for conflicts occurring in school has been diversified based on the way of doing things, individual differences and school management. The strategies for conflict solution used by the teachers vary according to school shareholders in which they experience conflict. Furthermore, findings have been obtained regarding that there is not any common management policy in the school. In this context, "Management Model for Conflict in School" for building conflict management culture in the school has been made.
Canadian Center of Science and Education. 1120 Finch Avenue West Suite 701-309, Toronto, OH M3J 3H7, Canada. Tel: 416-642-2606; Fax: 416-642-2608; e-mail: jel@ccsenet.org; Web site: http://www.ccsenet.org/journal/index.php/jel

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563

ไฟล์บทความ เรื่องยุทธศาสตร์การบริหารการจัดการความขัดแย้งของผู้บริหาร

https://so01.tci-thaijo.org/index.php/EAUHJSocSci/article/view/34767

ไฟล์บทความสมรรถนะของผู้บริหารกับการบริหาร ความขัดแย้งในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1

https://so02.tci-thaijo.org/index.php/EdAd/article/view/56613

ไฟล์บทความเรื่อง การศึกษาสมรรถนะที่ต้องการจำเป็นด้าน การจัดการความขัดแย้งของผู้บริหาร

https://so06.tci-thaijo.org/index.php/BSRI/article/view/29892

ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานกับความพึงพอใจในงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี

ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานกับความพึงพอใจในงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี

Classification :.DDC: 371.106
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1. เพื่อ ศึกษารูปแบบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี 2. เพื่อศึกษาระดับความ พึงพอใจในงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี 3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการบริหารความขัดแย้ง ของผู้บริหารสถานศึกษากับความพึงพอใจในงานของครู สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ โรงเรียนสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี จำนวน 106 โรงเรียน ผู้ให้ ข้อมูลคือ ครู จำนวน 578 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม เกี่ยวกับการบริหารความขัดแย้ง ซึ่งพัฒนามาจาก เครื่องมือวัดรูปแบบการบริหารความขัดแย้ง (Conflict Orientation Questionnaire) ของสุปัน ราสุวรรณ์ ตามแนวคิดของอี เวอราร์ดและมอร์ริส (Everard and Morris) และแบบสอบถาม เกี่ยวกับความพึงพอใจในงานของครู พัฒนามาจากแบบสอบถาม ความ พึงพอใจในงานของ บัณฑิต แท่นพิทักษ์ ที่แปลมาจากแบบสอบถาม MSQ (Minnesota Satisfaction Questionnaire) ของ ไวส์และคนอื่นๆ (Weiss and others) สัมประสิทธิ์ของความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม โดยภาพรวม มีค่า 0.8734 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบน มาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญ มีดังนี้ 1. ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี ในรูปแบบการแก้ปัญหา ในการบริหารความขัดแย้ง ในระดับมาก 2. ครูสังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาราชบุรี มีความพึงพอใจในงาน อยู่ในระดับมาก 3. รูปแบบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา รูปแบบการ แก้ปัญหา และรูปแบบการประนีประนอม มีความสัมพันธ์กับความ พึงพอใจในงานของครู ทางบวก ระดับปานกลาง ขณะที่ รูปแบบการ กลบเกลื่อน รูปแบบการหลีกเลี่ยง และรูปแบบการต่อสู้มีความ สัมพันธ์กับความพึงพอใจในงานของครู
มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง. สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address: ราชบุรี
Role: อาจารย์ที่ปรึกษา
Role: อาจารย์ที่ปรึกษา
Created: 2548
Modified: 2549-08-20
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
CallNumber: The 371.106 ช194ค
tha
Spatial: ไทย
Spatial: ราชบุรี
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง

รูปแบบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดพิจิตร

รูปแบบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดพิจิตร
Conflicts management model of school administrators under the office of Pichit provincial primary education

Classification :.DDC: 372.1
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Address: นครสวรรค์
Email: library@nsru.ac.th
Role: ประธานกรรมการที่ปรึกษา
Role: กรรมการที่ปรึกษา
Created: 2548-10-21
Modified: 2549-09-19
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
CallNumber: วท 372.1 733ร
tha
Spatial: พิจิตร
Spatial: ไทย
Spatial: ไทย (ภาคเหนือ)
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชัยภูมิ เขต 2

การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชัยภูมิ เขต 2
THE OPPOSITION MANAGEMET OF SCHOOL ADMINISTRATION UNDER THE CHAIYAPHUM EDUCATIONAL SERVICE AREA 2

Classification :.DDC: วพ371.2
Abstract: การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชัยภูมิ เขต 2 2) เปรียบเทียบการบริหารความขัดแย้งของ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชัยภูมิ เขต 2 จำแนกตามประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งผู้บริหาร วุฒิทางการบริหารการศึกษา และขนาดโรงเรียน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 165 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป คำนวณหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test)
Rajabhat University. Academic Resources Center
Address: LOEI
Email: library@lru.ac.th
Role: อาจารย์ที่ปรึกษา
Role: อาจารย์ที่ปรึกษา
Modified: 2554-03-03
Issued: 2554-03-03
วิทยานิพนธ์/Thesis
application/pdf
CallNumber: วพ371.2
tha
©copyrights มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย

ประวัติศาสตร์ชาติไทย

แทรกวีดีโอ Youtube channal จากช่องของ Kanokwan Chantarawong ประวัติศาสตร์ชาติไทย